วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551

คู่มือการใช้งานโปรแกรมSony Vegas 7.0

1.ภาพรวมของโปรแกรม Sony Vegas
Vegas หรือ ชื่อเต็ม คือ Sony Vegas คือโปรแกรมตัดต่อวิดีโอบนระบบปฏิบัติการWindows มีชื่อเสียง ตัวหนึ่ง เนื่องจากมีราคาแพง ประมาณ400-600 USD นับตั้งแต่รุ่น 2มา ซึ่งตอนนี้Vegas ได้พัฒนามาถึงรุ่น 8 แล้ว และVegasเป็นซอฟต์แวร์ประเภท Commercial (ซอฟท์แวร์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อจำหน่ายหรือเรียกว่าซอฟท์แวร์เชิงพาณิชย์)
Sony Vegas มีความสามารถคร่าวๆดังนี้
1. สามารถตัดต่อภาพและเสียงได้ง่าย
2. ใส่ลูกเล่นได้ทั้งภาพ(เช่นทำให้ภาพดูเป็นภาพเก่า)และเสียง(เช่นปรับเสียงชายเป็นเสียงหญิง)
3. มีลักษณะการทำงานเป็นชั้น(Layer)ทำให้รองรับการซ้อนภาพมากมาย
4. สามารถทำเสียง 5.1 (เสียงรอบทิศทาง) ได้จากในตัวโปรแกรมเลย
5. สนับสนุนการสร้างสื่อคุณภาพสูงหลายประเภทเช่น vcd svcd dvd และวีดีโอสำหรับเว็บไซท์
6. รองรับรูปแบบไฟล์มากมาย ทำให้สามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นเช่น Photoshop ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เนื่องจากการใช้งานที่ง่ายแต่มีอะไรที่ซับซ้อนอยู่ลึกๆ มีลูกเล่นมากพอที่สามารถประยุกต์ ใช้ได้หลากหลาย ซึ่งแตกต่างจาก โปรแกรมราคาถูกๆ ทั่วไป ที่ทำได้น้อยกว่า และไม่ยืดหยุ่นในการใช้งานเท่าความสามารถตามราคา การทำงานก็โดยสามารถคลิ้กลาก แล้ววาง (Drag and Drop) และ คลิ้กขวา โดยใช้ mouse ก็ตัดต่อได้แล้ว ด้วยการทำงานแบบชั้น(layer) คล้ายๆกับโปรแกรม Photoshop และมี Effect และ Transition ที่มากพอเช่นเดียวกับโปรแกรมอื่นๆที่สำเร็จรูปมาให้ใช้ได้ทันที จึงทำความเข้าใจได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสามารถในการตัดต่อภาพและเสียงไปพร้อมกันได้เลย ซึ่งเป็นความสามารถอันโดดเด่นสำหรับVegas ซึ่งหาตัวจับได้ยาก ที่จะมีโปรแกรมที่ทำได้แบบนี้
เดิมที โปรแกรมนี้ เป็นของ SonicFoundry ซึ่งแต่เดิม โปรแกรมของบริษัทนี้ เป็นโปรแกรมตัดแต่งเสียงดนตรี ต่อมาจึงพัฒนามีโปรแกรมตัดต่อ วิดีโอ ซึ่งเรื่องเสียงเป็นจุดแข็งของโปรแกรมนี้เลยก็ว่าได้ เนื่องด้วย จุดเด่นที่มี ในปี ค.ศ. 2003 บริษัท Sony Pictures Digital ได้ซื้อ Sonic Foundry's desktop software ทั้งหมดไป(ตอนนั้น vegas รุ่น4) ทั้ง ACID Sound Forge and Vegas รวมถึงอื่นๆด้วย (ราคาปลีกแต่ละตัวแพงๆทั้งนั้น) และได้ตั้ง sonymediasoftware ขึ้นมาจัดการกับโปรแกรมเหล่านี้ หลังจากที่ Sony ซื้อไป ก็ได้ทำการพัฒนา โปรแกรมเหล่านี้ ให้มีชื่อเสียงมากขึ้น โดยเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ เพื่อแข่งขันกับ โปรแกรมประเภทเดียวกันที่มีชื่อเสียงมาก่อน รวมถึง การปรับปรุงตัวโปรแกรมให้ สามารถทำงานร่วมกับ อุปกรณ์ของ Sony หลายตัวได้
ข้อดีและข้อด้อยของโปรแกรมข้อดี
ใช้งานง่าย ทำให้มือใหม่เรียนรู้ได้เร็ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้ตำราใด ในเบื้องต้นได้ เพียงแค่ลากวาง มั่วๆก็เป็นแล้วในการตัดต่อง่ายๆ สามารถใช้ คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพไม่สูงนักในการใช้งาน ที่สำคัญ
มี Download ฟรีที่ เว็บไซต์ http://www.sonycreativesoftware.com/ได้เลย เพียงแค่ หา crack ก็ใช้งานได้สมบูรณ์แล้ว
ข้อด้อย
บางอย่างยังด้อยกว่าโปรแกรมชื่อดังที่มีอายุมานานแล้วเช่น มีการสนับสนุนจาก บรรดาผู้ผลิต โปรแกรมที่เรียกว่า plug ins ต่างๆน้อย รวมถึงการใช้งานร่วมกับ อุปกรณ์ต่างๆด้วย เช่น การ์ดตัดต่อวิดีโอ ที่ไม่แพร่หลายเท่า แต่ปัจจุบันเริ่มดีขึ้น ผู้ผลิตโปรแกรมต่างๆ ต่างก็ปรับแต่งให้สามารถใช้ร่วมกับ vegas ได้มากขึ้น

ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับ Vegas 7
- Microsoft Windows 2000 SP4, XP Home หรือ XP Professional (Windows XP SP2 ใช้สำหรับ HDV and XDCAM) - หน่วยประมวลผล(CPU)ความเร็วประมวลผล 800 MHz ขึ้นไป (แนะนำให้ใช้ 2.8 GHz สำหรับ HDV) - พื้นที่ hard-disk 200 MB สำหรับการติดตั้ง- หน่วยความจำ(RAM) 256 MB (แนะนำให้ใช้ 512 MB สำหรับ HDV) - DVD-ROM ไดร์ฟ-- Microsoft DirectX 9.0- Microsoft .NET Framework 2.0 - Internet Explorer 5.1 or later3 โปรแกรมที่กล่าวมา ต้องถูกติดตั้งไว้แล้วก่อนใช้งานVegas
2.หน้าตาของโปรแกรมและการใช้งานเบื้องต้น
3.การใช้งาน Transition VideoFx และ Media Generators
4.การจัดการด้านเสียง
5.การ Render งาน
1. คลิกเมนู File เลือก Render As…
2. จะปรากฏหน้าต่าง Render As… ขึ้นมาดังภาพ



3. หลังจากคลิกเลือกแล้วเกิดหน้าต่าง Render As.. มาให้เลือกที่เก็บไฟล์ (ตามหมายเลข 1)
4. ตั้งชื่อไฟล์ (ตามหมายเลข 2)
5. เลือกชนิดของไฟล์ (ตามหมายเลข 3)
6. เลือก Template ที่จะมาทำการเร็นเดอร์ (ตามหมายเลข 4)
7. เมื่อเลือกครบตาม 1 ,2 3 และ 4 แล้ว เราจึงจะ Save ได้ (ตามหมายเลข 5)
รูปแบบในการเก็บไฟล์งาน การเก็บงานของเราให้อยู่ในรูปแบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาไปใช้งานอะไรเป็นสำคัญ เพราะการเก็บแต่ละรูปแบบจะไม่เหมือนกัน เอาไปใช้ในโปรแกรมหรือเครื่องที่ต่างกัน เวลาที่ใช้ในการ Render ก็ใช้เวลาไม่เหมือนกัน มากน้อยไม่เท่ากัน ขนาดของไฟล์เมื่อเก็บไว้นั้นแต่ละชนิดก็ไม่เท่ากัน เราจึงต้องถามตนเองว่าจะเอาไปทำอะไร เช่น เอาไปทำแผ่นวีซีดี , เอาไปทำแผ่นดีวีดี ,เอาไปทำคลิปวีดีโอใส่ในอินเตอร์เน็ต เป็นต้น

ภาพ แสดงการเลือกชนิดไฟล์

รายละเอียดชนิดไฟล์ที่จะ Render ดังนี้
1
. MainConcept MPEG-1 เป็นรูปแบบของ VCD (เลือกรูปแบบที่ช่อง template แล้วที่สำคัญ ระบบโทรทัศน์บ้านเราเป็นแบบ PAL เพราะฉะนั้นถ้าจะเลือก VCD ก็เลือกเป็น VCD PAL)
2. MainConcept MPEG-2 เป็นรูปแบบของ SVCD,DVD
3. MP3 Audio จะ Render งานออกมาแต่เสียง เป็นไฟล์ MP3 โดยเราสามารถเลือกคุณภาพของเสียงได้จากช่อง template หรือกด custom
4. OggVorbis เป็นรูปแบบไฟล์เสียงอีกรูปแบบหนึ่ง ให้เสียงดีกว่า MP3 ในขนาดที่เล็กกว่า แต่มีเครื่องเล่น และโปรแกรมที่สนับสนุนไฟล์ประเภทนี้น้อยกว่า mp3
5. QuickTime6 ไฟล์สกุล mov ที่ส่วนใหญ่ใช้บนอินเตอร์เน็ต
6.RealMedia9 ไฟล์สำหรับใช้บนอินเตอร์เน็ตอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งมีให้เลือกทั้งเก็บเสียงอย่างเดียวและเก็บภาพด้วย
7. Video for Windows ไฟล์มาตรฐานของ Windows(.avi) มีมาตรฐานภายใน (codec) มากมายเช่น DivX, Indeo ฯลฯ ส่วนใหญ่ต้องตั้งค่ามาตรฐานก่อนว่าจะให้ออกมาเป็นประเภทอะไร จึงจะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกดที่ Custom
8. Wave ไฟล์เสียงมาตรฐานของ windows ซึ่งให้เสียงดีมากเพราะไม่มีการบีบอัดเลย แต่ทำให้มีขนาดใหญ่มาก
9. Windows Media Audio V9 (WMA) เป็นไฟล์เสียงของ Microsoft นิยมใช้อินเตอร์เน็ต10. Windows Media Video V9(WMV) ไฟล์วิดีโอของ Microsoft นิยมใช้บนอินเตอร์เน็ต

ภาพ แสดงการเลือกรูปแบบของเทมเพลต

การเลือกรูปแบบการเก็บไฟล์และระยะเวลาในการ Render งาน เช่น
การเก็บเป็นไฟล์ชนิด AVI แบบ PAL DV ขนาด 720 x 576 ใช้เวลา Render 5.40 นาที ได้ไฟล์ขนาด 206 M (เก็บไว้แปลงเป็นรูปแบบอื่น ๆ ได้) เก็บเป็นไฟล์ชนิด MPEG-1 แบบ PAL-VCD ขนาด 352 x 288 ใช้เวลา Render 1.55 นาที ได้ไฟล์ขนาด 10 M (ใช้เขียนแผ่น วีซีดี)
เก็บเป็นไฟล์ชนิด MPEG-2 แบบ PAL - DVD ขนาด 720 x 576 ใช้เวลา Render 6.40 นาที ได้ไฟล์ขนาด 43 M (ใช้เขียนแผ่น ดีวีดี)
เก็บเป็นไฟล์ชนิด MWV แบบ 256 Kbps ขนาด 320 x 240 ใช้เวลา Render 3.10 นาที ได้ไฟล์ขนาด 2 M (เพื่อใช้ในงานเว็บไซด์)

ที่มาของบทความ :
http://www.koogun.net/media/vegas/
http://www.thelittlekpy.com/for_donwload/How2UseVegas.pdf
http://www.adisonc.th.gs/web-a/disonc/aticle.htm

ไม่มีความคิดเห็น: